จากกรณีที่นายพิภพ ไขแจ้ง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวัดโบสถ์ หมู่ 5 ต.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ออกมาเปิดเผยถึงสรรพคุณของ ต้นผ่าด้าม ที่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี ถึงขั้น ไวอะกร้า ยังต้องเรียกพี่จนกลายเป็นข่าวโด่งดังเมื่อช่วงต้นปีทีผ่านมา ล่าสุดนายพิภพได้ออกมาเปิดเผยอีกว่า ยังมีพืชสมุนไพรอีกตัวหนึ่งที่มีสรรพคุณน่าทึ่งยิ่งกว่า เพราะสามารถรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้ายให้หายได้ เพียงแค่เด็ดกิ่งก้าน-ใบมาต้มดื่มเหมือนน้ำชา กินติดต่อกันไม่กี่เดือนก็จะเห็นผลทันที พืชที่ว่านั้นก็คือต้น อังกาบหนู เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1-1.5 เมตร ลำต้นเกลี้ยง มีหนามยาวรอบข้อ ออกดอกสีเหลืองตามซอกใบ และปลูกง่ายมาก
นายพิภพ ระบุว่า เมื่อหลายปีก่อนตนป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 2 เพราะสูบบุหรี่จัด และยาปัจจุบันก็ไม่มีรักษา เลยลองหันมาพึ่งพาพืชสมุนไพรพื้นบ้าน พระครูพิพัฒน์สุตากร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ แนะนำให้เอายอดใบต้นอังกาบหนูที่มีปลูกอยู่ในวัดไปต้มดื่มกินเช้า กลางวัน เย็น ปรากฏว่าแค่เดือนเดียวอาการหายใจติดขัด เจ็บหน้าอก ปวดหลัง ก็หายทันที พอถึง 3 เดือนไปเอกซเรย์ปอดที่กรุงเทพฯ ก็พบว่าจุดดำเริ่มจางลง และหายไปในที่สุด
นายพิภพกล่าวอีกว่า นอกจากตัวเองกินหายแล้ว ยังมีเพื่อนชื่อแดง ชาว อ.ศรีสำโรง อีกคนป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย จึงแนะนำให้ลองกินต้นอังกาบหนู ปรากฏว่าผ่านไปหนึ่งเดือนอาการท้องแข็งโตเหมือนคนใกล้คลอดก็ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด พอกินมาได้ 6 เดือนท้องที่เคยโตก็ยุบและหายเป็นปกติ ผ่านมา 3 ปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ และขับรถไถนาทำงานได้เหมือนเดิม
พระครูพิพัฒน์สุตากร บอกต่ออีกว่า จากข้อมูลที่มีระบุว่าใบและรากของต้นอังกาบหนูมีสรรพคุณมากมาย ทั้งช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ลดไข้ แก้หวัด ขับเสมหะ แก้ปวดฟัน รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน แก้หูอักเสบ แก้อาการท้องผูก อาหารไม่ย่อย แก้พิษงู รักษาโรคคัน กลากเกลื้อน แก้ฝี อัมพาต โรคปวดตามข้อ และปวดหลัง ฯลฯ แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่ารักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่ นอกจากผู้ป่วยที่มีประสบการณ์โดยตรงเท่านั้น จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและเร่งทำการวิจัยต่อไป
ข้อมูล ภาพ http://www.amarintv.com/news